ยาจีนสามารถรับมือโรคโควิด-19 ที่ผ่านมาได้ดี และยังจะมีบทบาทต่อไปในการต้านโอมิครอน
ศ.จางจ้งเต๋อกล่าวว่าการใช้ยาจีนในเวลาที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าสามารถรับมือโควิด-19 ได้ ดังการใช้กับสายพันธุ์เดลต้าในมณฑลกวางเจาเมื่อเดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา จากผู้ป่วยในท้องถิ่น 166 ราย มีผู้ป่วยที่ได้รับยาจีนอย่างเดียวในการรักษา 118 ราย คิดเป็นร้อยละมากกว่า 71% สามารถหยุดยั้งอาการของผู้ป่วยที่มีแนวโน้มเป็นอาการหนักไม่ให้พัฒนาต่อไปจำนวน 57 ราย จากผลการใช้ที่ผ่านมายาจีนจึงยังมีบทบาทที่สำคัญในการการรับมือโควิดสายพันธุ์ใหม่ต่อไป
(เรียบเรียงจากที่ประชุมแถลงข่าวของทบวงการแพทย์แผนจีนแห่งชาติที่นครกวางเจา เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2564 โดยศ.จากจ้งเต๋อ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนมณฑลกวางตุ้ง รองหัวหน้าคณะผู้เชี่ยวชาญกองอำนวยการป้องกันรักษาปอดอักเสบไวรัสสายพันธุ์ใหม่แห่งทบวงการแพทย์แผนจีน ศ.จางเว่ยตง จากมหาวิทยาลัยแพทย์ทหารกองทัพเรือ และหลี่อวี้ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีทบวงการแพทย์แผนจีนแห่งชาติ)
อาการของผู้ป่วยโอมิครอน
อาการแสดงทางคลินิกได้แก่ เป็นไข้ กลัวหนาว ปากแห้ง อ่อนเพลีย ท้องอืด เบื่ออาหาร เป็นหลัก (หมายเหตุผู้เรียบเรียง: รายงานล่าสุดจากกระทรวงสาธารณสุขของไทยแจ้งว่าอาการไข้พบไม่มากนักราว 20%) ผู้ป่วยที่มีอาการหนักจะมีอาการทางพร่องเฉียบพลัน ได้แก่ หายใจหอบ ออกซิเจนในเลือดต่ำ เหงื่อออกไม่หยุด ซึ่งพบในสัดส่วนค่อนข้างสูง
ลักษณะของโรค
คณะผู้เชี่ยวชาญได้เปิดการประชุมศึกษาค้นคว้าแลกเปลี่ยนกันประมวลสรุปได้ว่า การระบาดของโควิดระลอกนี้ เหตุแห่งโรคและกลไกการเกิดโรคตามศาสตร์การแพทย์แผนจีนยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่มีอาการแสดงที่แตกต่างกันไปบ้างตามสภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์ ภูมิอากาศ และลักษณะของอาหารการกินที่ต่างกัน ภาวะร้อนกับชื้นที่พบจึงมีความหนักเบาต่างกัน และเกิดภาวะเย็น ภาวะร้อน ภาวะแห้ง ภาวะเลือดคั่งร่วมด้วย
ดังผู้ป่วยที่พบในเซี่ยเหมิน ผู่เถียน มณฑลฝูเจี้ยน มีอาการท้องเสีย คลื่นไส้อาเจียนค่อนข้างเด่นชัด กล่าวคือภาวะชื้นเด่น ในขณะที่ผู้ป่วยที่พบในมณฑลกานซู่ในภาคตะวันตกเฉียงเหนือ ผู้ป่วยมีอาการ ไอแห้ง คอแห้ง ปากแห้ง คันคอ เป็นกลุ่มอาการความแห้งรุกรานปอดเด่นชัด
หลักการรักษา จัดวางการรักษาให้สอดคล้องกับคน สถานที่และสิ่งแวดล้อมที่ต่างกัน
จากความแตกต่างของกลุ่มอาการที่พบ การจัดวางการรักษาจึงความยืดหลักพิจารณาตามรูปธรรมของคน สถานที่ และอากาศ โดยอาศัยพื้นฐานจาก“ยาสามชนิดสามตำรับ” ในแนวทางการวินิจฉัยรักษาแห่งชาติฉบับที่ 8 แล้วทำการวินิจฉัยแยกแยะกลุ่มอาการ(เปี้ยนเจิ้ง) เพื่อวางการรักษาให้สอดคล้อง ในผู้ป่วยที่มีอาการหนักให้ใช้เหรินเซินบำรุงเจิ้งชี่แต่แรกและใช้ตลอดทั้งกระบวนการของโรค ให้ความสำคัญกับการเสริมปอดกับลำไส้ไปพร้อมกัน ปรับปรุงการทำงานของลำไส้ค้ำจุนปอด กรณีมีอาการท้องผูกให้ใช้ต้าหวงในปริมาณสูงเพื่อทำให้ขับถ่ายอุจจาระได้คล่องไว้
กลไกการออกฤทธิ์ของยาจีน
ศ.จางเว่ยตงจากมหาวิทยาลัยแพทย์ทหารเรือได้รายงานว่า จากงานวิจัยในโครงการต่างๆ โดยความสนับสนุนของรัฐบาล ได้มีการเปิดขยายงานวิจัยจำนวนมาก ทำการวิจัยค้นคว้ากลไกการรักษาของยาจีนในระดับโมเลกุล เซลล์ และในสัตว์ทดลอง โดยใช้วิธีการที่ทันสมัยต่างๆ ในผู้ป่วยที่มีอาการเบาพบว่ายาจีนมีประสิทธิผลในการรักษาต่ออาการไอ เป็นไข้ อ่อนเพลียเป็นอย่างดี กลไกที่อยู่เบื้องหลังคืออะไร การวิจัยก้าวไปอีกขั้นหนึ่งพบว่า ในกลุ่มอาการเบายาสามชนิดสามตำรับสามารถยกภูมิคุ้มกันของร่างกายให้สูงขึ้น
ในกลุ่มอาการหนัก สาเหตุมาจากไวรัสโคโรนาทำให้ร่างกายเกิดปฏิกิริยาการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันมากเกิน เป็นภาวะที่เรียกว่าพายุไซโตไคน์ ในกลุ่มอาการนี้ยาจีนมีบทบาทปรับปรุงภาวะพายุจากการอักเสบดีมาก สามารถระงับแฟคเตอร์ที่เกี่ยวกับการอักเสบที่ถูกปล่อยออกมาจากเซลล์ภูมิคุ้มกันมากเกินจึงมีผลบรรเทาอาการจากพายุไซโตไคน์นี้ จากการวิจัยพบส่วนประกอบออกฤทธิ์ที่มีบทบาทที่ดีในด้านนี้ เช่น glycyrrhizic acid ในกานเฉ่า(ชะเอมเทศ) ephedrine ในหมาหวง Baicalin และ wogonoside ในหวงฉิน เป็นต้น
จาก http://news.china.com.cn/2021-12/17/content_77935863.htm
บทความที่เกี่ยวข้อง
1. ย่าจีน 3 ชนิด 3 ตำรับ
2. ยาตำรับกลาง "ชิงเฟ่ยผายตู๋ทัง" การวิจัยทางเภสัชวิทยา
3. ยาจีนกับการรับมือโควิดสายพันธุ์เดลต้า บทเรียนจากกวางเจา
4. ประเมินบทบาทของยาจีนโดยแพทย์แผนปัจจุบัน ศ.จงหนานซาน
5. ลำดับการใช้ยาจีนรับมือการระบาดของโควิดครั้งแรกที่อู่ฮั่น โดย ศ.จางปั๋วหลี่
6. โรคโควิด-19 ทางแพทย์แผนจีนจัดเป็นโรคระบาดเย็นชื้น (หานซืออี้)