ตั้งแต่วันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา มณฑลกวางตุ้งได้เกิดการระบาดของโรคปอดอักเสบสายพันธุ์เดลต้าขึ้นหลายจุด ในเวลาหนึ่งดือนก็สามารถควบคุมโรคไม่ให้แพร่ออกไปได้สำเร็จ การรับมือกับโรคจากเชื้อกลายพันธุ์เดลต้าในครั้งนี้ มีประสบการณ์ใดที่สามารถนำไปใช้กับที่อื่นๆ ที่กำลังเกิดการระบาดของสายพันธุ์นี้ได้บ้าง ลักษณะของโรคมีความแตกต่างจากที่เคยเกิดขึ้นในที่อื่นๆ ก่อนหน้านี้อย่างไร แพทย์แผนจีนและยาจีนยังมีบทบาทหรือไม่ มีพัฒนาการและแนวทางการใช้ยาจีนเพื่อป้องกันรักษาและควบคุมอย่างไรบ้าง
กองการแพทย์แผนจีนมณฑลกวางตุ้งได้ทำการเผยแพร่คำให้สัมภาษณ์ของผู้เชี่ยวชาญจากทีมรักษากู้ชีพคณะทำงานสหวิชาชีพเพื่อการป้องกันและควบคุมโรคแห่งชาติหน่วยมณฑลกวางตุ้งสองท่าน ได้แก่ ศ.จางจ้งเต๋อ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลแพทย์จีนมณฑลกวางตุ้ง และ ศ.หลงหยุนหัวหน้าแผนกโรคหนักโรงพยาบาลเสียเหอ ปักกิ่ง เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.2564 มีสาระสำคัญดังนี้
ลักษณะพิเศษของสภาวะผู้ป่วยสายพันธุ์เดลต้าที่กวางเจา
- ระยะฟักตัวสั้น โดยทั่วไปจะเกิดอาการขึ้นใน 3-7 วัน
- ผู้ป่วยจำนวนมากเป็นผู้สูงอายุ ส่วนใหญ่อายุ 70 ขึ้นไป มากที่สุด 92 ปี อายุ 80 ขึ้นไป 10 กว่าคน
- ผู้ป่วยมักมีโรคประจำตัวอยู่ และมีอาการแทรกซ้อนค่อนข้างมาก
- โรคพัฒนาเร็ว การระบาดก่อนหน้านี้ส่วนใหญ่ 7-9 วันจึงจะพัฒนาเป็นอาการหนัก ครั้งนี้เฉลี่ยเพียง 3.3 วันเกิดเป็นอาการหนักขึ้น ผู้ป่วยที่อาการหนักจะพัฒนาเป็นขั้นวิกฤตใน 24 ชั่วโมง อัตราผู้ป่วยหนักและผู้ป่วยขั้นวิกฤตเป็น 15%
- ปริมาณเชื้อมาก เวลาที่กรดนิวคลิอิกกลับเป็นลบนานขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญแพทย์จีนตรวจเยี่ยมผู้ป่วยโควิด-19 สายพันธุ์กลายพันธุ์เดลต้าที่กวางเจา
การใช้ยาจีน
- จากวันที่ 21 พ.ค.ถึงวันที่ 26 มิ.ย.มีผู้ป่วย 166 ราย
- ถึงวันที่แถลงข่าว(26 มิ.ย.) มีผู้หายป่วยออก รพ. 91 ราย ในจำนวนนี้ 67 ราย (73.6%) ใช้ยาจีนอย่างเดียวในการรักษา 16 ราย(17.6%) ใช้การรักษาแผนปัจจุบันร่วมกับแผนจีน 8 ราย (8.8%) ไม่ทานยาจีน(เป็นเด็กเล็ก) ผู้ป่วยใน รพ.จากการรักษาด้วยการแพทย์แผนปัจจุบันกับแผนจีนมีผู้ป่วยวิกฤต 1 รายที่สามารถถอดเครื่อง ECMO ได้ ผู้ป่วยที่มีอาการหนัก 3 ราย สามารถถอดสายออก ผู้ป่วยอาการหนัก 8 รายอาการดีขึ้นกลับไปเป็นอาการทั่วไป สามารถยับยั้งอาการของผู้ป่วยระดับทั่วไปที่มีแนวโน้มจะพัฒนาไปเป็นอาการหนักให้หยุดลงได้ 57 ราย
ลักษณะของกลุ่มอาการโรคทางแพทย์แผนจีนเมื่อเทียบกับการระบาดที่ผ่านมา
- ฤดูนี้ทางภาคใต้ของจีนมีอากาศร้อนอบอ้าวและชื้น ผู้ป่วยมีเหงื่อออกมาก จึงมีภาวะสูญเสียชี่ออกไปตามเหงื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยที่มีอาการหนักหรือมีไข้สูงจะแสดงออกโดยมีอาการอ่อนเพลียมาก เบื่ออาหาร การหายใจแผ่วอ่อน ฝ้าลิ้นหนาเหลืองเหนียว
- เปรียบเทียบกับเมื่อครั้งการระบาดที่อู่ฮั่น เหอเป่ย ยูนนานและทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน อาการสำคัญที่พบในครั้งนี้ ได้แก่ มีไข้ ไข้สูง กลัวหนาว ปวดศีรษะปวดตามเนื้อตัว ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ไอ เจ็บคอ คอแห้ง ไม่มีแรง ท้องอืด เบื่ออาหาร และพบลิ้นสีแดง ฝ้าลิ้นเหนียวมากขึ้น ผู้ป่วยที่มีไข้พบมากกว่า 80% และไข้สูง (สูงกว่า 39 องศาเซลเชียส)มีถึง 34.5% ซึ่งสูงกว่าการระบาดครั้งที่ผ่านๆ มา
- การวินิจฉัยทางแพทย์แผนจีน โรคยังอยู่ในขอบข่ายของ “อี้ปิ้ง 疫病” ในแพทย์แผนจีน โดยมีการสอดแทรกระหว่างปัจจัยก่อโรคจากอากาศร้อนกับปัจจัยชื้น 暑热与湿邪交着 กระจายไปตามซันเจียว 弥漫三焦 ปัจจัยก่อโรคจากอากาศร้อนชื้นและพิษร้อนมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำลายชี่และยิน กลไกของโรคที่เป็นแกนกลางคือ อากาศร้อนชื้นทำให้เกิดภาวะร้อน พิษโรคระบาดรุกเข้าปอด หยวนชี่เสียหายมาก 暑湿化热,疫毒侵肺,元气大虚
วิธีรักษาของแพทย์แผนจีนที่มีการปรับปรุงตามภาวะของโรค
- วิธีพื้นฐานคือ ขจัดปัจจัยก่อโรคจากอากาศร้อนสลายชื้น กระจายชี่ของปอดขจัดพิษ ทำให้ทางเดินกระเพาะลำไส้โล่งระบายร้อน 清暑化湿,宣肺解毒,通腑泄热 เพิ่มวิธีใหม่ ได้แก่ การเสริมเจิ้งชี่แต่แรก เสริมเจิ้งชี่ตลอดทั้งกระบวนการดำเนินของโรค 早期扶正,全程扶正 โดยให้โสมซีหยางเซิน โสมแดง-หงเซิน เปลือกส้ม-เฉินผี
- ผู้ป่วยที่ติดเชื้อแต่ไม่มีอาการ ผู้ป่วยที่มีอาการเบา ผู้ป่วยอาการธรรมดา ให้การรักษาด้วยยาจีนเพียงอย่างเดียว โดยใช้ยาที่ปรับลดจากตำรับชิงเฟ่ยผายตู๋ทัง ฮั่วซือไป้ตู๋ฟาง
- ผู้ป่วยอาการทั่วไปแต่มีไข้สูงหรือมีแนวโน้มพัฒนาไปทางอาการหนักวิกฤต พิจารณาว่ามีภาวะปัจจัยก่อโรคอากาศร้อนชื้นอุดกั้น 暑热,湿温闭郁 กรณีนี้พิจารณาใช้ยาตำรับหมาซิ่งอี่กานทัง 麻杏苡甘汤 ฮั่วโผ่เซี่ยหลิงทัง 藿朴夏苓汤 หรือซันเจัยวอิ่นของอู๋ยิ่วเขอ 吴又可三焦饮 เพื่อขจัดปัจจัยก่อโรคอากาศร้อนและพิษร้อน แก้กลุ่มอาการภายนอก ขับชื้น ทะลวงส่วนหยวนหมัว 透达原膜
- กรณีผู้ป่วยเริ่มมีอาการทรุดหนัก การรักษานอกจากตามการเปี้ยนเจิ้งใช้วิธีดับร้อน ขจัดปัจจัยก่อโรคจากอากาศร้อน ขจัดและระบายความร้อนชื้นแล้วยังใช้ยาอันกงหนิวหวงหวัน เพื่อขจัดพิษร้อนในระดับชี่ ใช้ผงหยางหลิงเจี่ยวขจัดและกระทุ้งพิษร้อน ตัดตอนไม่ให้โรคพัฒนาไปเป็นอาการหนัก หยุดพิษร้อนไม่ให้ย้อนกลับเข้าเยื่อหุ้มหัวใจหรือเข้าสู่ระดับอิ๋งและเลือด หากไข้สูงเกิน 38.5 ใช้ยาจีนต้มรับประทานวันละ 2 เทียบ 6 ชั่วโมงให้ครั้งหนึ่ง และให้อันกงหนิวหวงหวานวันละสองเม็ด แต่ละครั้งครึ่งเม็ด รับประทานสี่ครั้ง ทานคนละเวลากับยาต้ม หากไข้ไม่เกิน 38.5 ให้อันกงหนิวหวงหวันวันละ 1 เม็ด ทานครั้งละครึ่งเม็ดวันละสองครั้ง
- หากผู้ป่วยมีอาการไข้สูงไม่ลด เซลล์เม็ดเลือดขาวลิมโฟไซต์ลดลง ออกซิเจนในเลือดต่ำลง เวลานี้ต้องระวังว่าอาการของผู้ป่วยกำลังทรุดหนัก ควรใช้มาตรการแทรกแซง ได้แก่ ให้ออกซิเจน ปรับท่านอน(ท่านอนคว่ำ หรือคู้เข่าหมอบ) แต่เนิ่น
- การประเมินดุลกำลังระหว่างไวรัสกับภูมิคุ้มกันของผู้ป่วย ได้แก่การติดตามระดับไตเตอร์ของกรดนิวคลิอิก Lymphokine สภาพของร่างกายในการตอบสนองต่อการอักเสบ ได้แก่ อุณหภูมิของร่างกาย อัตราการหายใจ การขับเคลื่อนการหายใจ เป็นต้น ซึ่งครั้งนี้ได้สร้างวิธีชุดหนึ่งในการรับมือกับสภาวะนี้
- การให้การดูแลสภาวะจิตใจ เป็นยาชั้นดี ดังคำกล่าวว่า 三分治疗七分护理 รักษาสามส่วน ดูแลเจ็ดส่วน
- ในชีวิตประจำวันก็ต้องสนใจป้องกันภาวะอากาศร้อนชื้น คนกวางตุ้งมีอาหารที่เหมาะกับอากาศร้อนชื้นอยู่ เช่น แกงฟักน้ำเป็ดใส่เปลือกส้ม หมูตุ๋นลูกเดือยใส่ดอกงิ้ว เป็นตัวอย่างของอาหารที่เหมาะสำหรับรับประทานในระยะนี้
การใช้ยาจีนหลังจากผู้ป่วยออกโรงพยาบาล
หลังจากออก รพ.แล้ว ยังต้องติดตามสังเกตอาการอีก 14 วัน ผู้ที่ออกรพ.และมีสุขภาพแข็งแรงดี มีกำหนดการออกเยี่ยมผู้ป่วยและจ่ายยาจีนตามสภาพรูปธรรม พบผู้ป่วยที่ยังมีเหงื่อออกมาก ไม่เจริญอาหาร มีภาวะม้ามพร่อง อ่อนเพลียหรือมีอาการที่รอยโรคที่ปอดยังไม่หาย
เรียบเรียงโดย แพทย์จีน เภสัชกรสุทธิศักดิ์ ปวราธิสันต์
ที่มา http://szyyj.gd.gov.cn/zwyw/tpxw/content/post_3330700.html 发布日期:2021-06-27 来源:广东省中医药局
http://society.workercn.cn/34055/202106/28/210628132609268.shtml 来源:羊城晚报 2021-06-28