ผู้เชี่ยวชาญแพทย์จีนเรียกโควิด-19 ในแพทย์แผนจีนว่า โรคหานซืออี้  寒湿疫   ในระยะใกล้มานี้  ในเมืองไทยเกิดการแพร่ระบาดของโควิดระลอกใหม่ซึ่งมีความเกี่ยวพันกับตลาดค้าสัตว์น้ำที่มีสภาพแวดล้อมเย็นและชื้น   เช่นเดียวกับการระบาดใหญ่ระลอกสองในยุโรปโดยเฉพาะอังกฤษที่มีอากาศหนาวเย็นและมีฝน  การกำหนดลักษณะของโรคว่าเป็นโรคทางหนาวเย็นและชื้นนี้มีความสำคัญต่อการจัดวางการรักษาในศาสตร์การแพทย์แผนจีน  ดังจะเห็นได้ว่าตำรับยาและตัวยาที่ใช้ต้านโควิด-19 มียาที่ใช้ขจัดภาวะชื้นแบบต่างๆ อยู่มาก  

 ทำไมแพทย์แผนจีนจึงเรียกโรคโควิด-19 ว่า “หานซืออี้ 寒湿疫

            疫-อี้  เป็นคำที่ใช้มาแต่ตำราโบราณ  มีความหมายตรงกับคำว่าโรคระบาด

            寒-หาน คือความความหนาวเย็น

            湿-ซือ  คือความชื้น

            寒湿疫-หานซืออี้  จึงมีความหมายว่า  โรคระบาดที่เกี่ยวกับความหนาวเย็นและความชื้น  

            ที่ว่าเกี่ยวกับความหนาวเย็นและความชื้นนั้นมีพื้นฐานมาจากลักษณะสองประการ คือ ประการแรก จากลักษณะพิเศษที่เป็นการแสดงออกของโรค  กับ ประการที่สอง จากความเกี่ยวข้องกับลักษณะของอากาศและสภาพแวดล้อมที่เกิดโรค   

  1. จากลักษณะพิเศษที่เป็นการแสดงออกของโรค

ในทางแพทย์แผนจีนจะให้ความสำคัญกับอาการแสดงเป็นหลัก  ที่สำคัญคือ ลักษณะของลิ้น และลักษณะของชีพจร

ลักษณะของลิ้น   ลิ้นของผู้ป่วยมักจะอวบ สีลิ้นอ่อนตรงขอบมีรอยฟัน  ฝ้าลิ้นส่วนใหญ่มีสีขาว หนาเหนียวหรือกร่อน 厚腻或腐 

      

(ซ้าย) ลิ้นมีสีอ่อนค่อนข้างคล้ำ  ขอบลิ้นมีรอยหยักของฟัน  ฝ้าสีขาวค่อนข้างหนา เป็นลักษณะของลิ้นที่แสดงว่าร่างกายมีภาวะเย็นชื้น  ม้ามพร่อง  
(ขวา) ขอบลิ้นมีรอยหยักของฟัน ฝ้าลิ้นมีสีขาวแผ่คลุมทั้งลิ้น  ฝ้าหนาเหนียว  แสดงว่าร่างกายมีภาวะชื้นค่อนข้างหนัก ม้ามพร่อง   

ชีพจร เป็นแบบลื่น (หวาม่าย-滑脉)  หรือ นิ่ม (หรูม่าย 濡脉)

ลักษณะของลิ้นและชีพจรข้างต้น  เป็นอาการแสดงของภาวะหนาวเย็นและชื้น   ด้วยเหตุนี้จึงอธิบายว่าโรคนี้สังกัดโรคเย็นชื้น 寒湿

ส่วนอาการป่วยอื่นๆ อธิบายได้ว่าเกิดจากความหนาวเย็นและชื้นเข้าไปอุดกั้นที่ระบบปอดกับม้ามและกระเพาะอาหาร

 

อาการกลัวหนาวเป็นไข้  ปวดเมื่อยตามตัว  สังกัดกลุ่มอาการภายนอก(เปี่ยวเจิ้ง) ที่เกิดจากความหนาวเย็นและความชื้นรุกเข้าส่วนภายนอก(เปี่ยว) 

อาการแน่นหน้าอก  อึดอัด หายใจไม่พอ อ่อนเพลีย ไอแห้งไม่ค่อยมีเสมหะ  เป็นอาการแสดงจากการกระจายชี่และพาชี่เข้าสู่ภายในร่างกายของปอดเสียไป   จากความหนาวเย็นและความชื้นอุดกั้นระบบปอด

อาการแน่นที่ใต้ลิ้นปี่ คลื่นไส้อยากอาเจียน เบื่ออาหาร ท้องเสีย อุจจาระเหนียวหนืดถ่ายออกไม่คล่อง  เป็นอาการแสดงของระบบม้ามเสียการทำหน้าที่ย่อยและดูดซึมและลำเลียงอาหารและน้ำ   จากความหนาวเย็นและชื้นปิดกั้นม้าม

 ส่วนอาการเป็นไข้  มีข้อพิจารณาว่าในผู้ป่วยโควิด-19 ที่พบว่ามีอาการไข้สูงนั้นมีน้อยราย  แม้แต่ในผู้ป่วยที่มีอาการหนักถึงหนักมากก็ยังมีเพียงไข้ต่ำหรือไข้ปานกลางกระทั่งมีที่ไม่มีไข้เลย  ซึ่งแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดกับผู้ป่วยโรค SARS และไข้เลือดออกระบาด Epidemic hemorrhagic fever ที่สังกัดโรคเวินเร่ออี้ 温热疫病 (โรคระบาดแบบร้อน)

โรคระบาดแบบร้อนจะมีไข้สูง  พิษร้อนรุนแรงเผาผลาญซันเจียว   และรุกเข้าสู่ซินเปา(ซึ่งเทียบเคียงได้กับส่วน blood brain barrier ในความรู้ปัจจุบัน) จนทำให้เกิดอาการไข้สูง แล้วเพ้อ ชัก สติคลุมเครือ  ไปจนถึงไม่ได้สติ 

[โรคไข้เลือดออกในไทยที่มีอาการสำคัญคือไข้สูงลอย จนทำให้เกิดอาการชัก และมีภาวะเสียน้ำหรือยินพร่องก็พิจารณาได้ว่าเป็นโรคที่สังกัดเวินเร่อ  ที่พิษร้อนรุนแรงรุกเข้าซินเปาได้เช่นเดียวกัน] 

หานซืออี้ ยังมีความแตกต่างกับ หานอี้ (  โรคระบาดจากพิษหนาวเย็น)  หานอี้ป็นโรคที่พิษหนาวเย็นควบกับชี่ที่ผิดปกติ(ลี่ชี่) รุกเข้าสู่ร่างกายจากระบบไท่หยางเข้าสู่ระบบหยางหมิงอย่างรวดเร็ว   ทำให้เกิดอาการไข้สูง และกลุ่มอาการเป็นแบบร้อนแกร่ง (สือเร่อ)

ในขณะที่โรคหานซื้ออี้   เนื่องจากความเย็นและความชื้นเป็นปัจจัยก่อโรคที่สังกัดยิน  ความชื้นมีลักษณะเหนียวหนืด   โรคดำเนินแบบยืดยาด  ก่อให้เกิดภาวะร้อนค่อนข้างช้า  จนมีคำกล่าวว่า “ต้องเป็นโรคหานซือตู๋จึงจะมีไข้ต่ำๆ หรือไม่มีไข้”

จากทั้งอาการของผู้ป่วยและอาการที่ตรวจพบจากลิ้นและชีพจรข้างต้นจึงสรุปว่าโรคโควิด-19 นี้เป็นโรคที่สังกัดโรคระบาดเย็นชื้น(หานซืออี้)

 

  1. จากลักษณะพิเศษของภูมิอากาศขณะเกิดโรคและมีผลส่งเสริมให้โรคแพร่กระจายมากยิ่งขึ้น

จากสถิติของกรมอุทกวิทยาจีน  ปริมาณน้ำฝนในเดือนมกราคม ปี 2563  มากกว่าปริมาณเฉลี่ยใน 20 ปีถึง 4.5 เท่า   ภาวะฝนตกต่อเนื่องกันเข้าซ้ำเติมอากาศของอู่ฮั่นที่เป็นเมืองที่แม่น้ำลำคลอง หนองบึงมากและมีอากาศชื้นเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว และในขณะที่โรคปะทุขึ้นยังเป็นฝนในฤดูหนาวอีก  สภาพแวดล้อมจึงทั้งหนาวเย็นและชื้น จากการสังเกตของ อ.ถงเสี่ยวหลินที่ลงไปตรวจศูนย์การแพทย์ในเขตอู่ฮั่นเห็นได้ชัดว่า ในวันที่อากาศกลับมาสดใส  อุณหภูมิสูงขึ้น  จำนวนผู้ป่วยของแผนกไข้สำหรับผู้ป่วยนอกจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด  จากวันละ100 กว่าคน ลดลงเหลือวันละ 20 กว่าคน  แสดงให้เห็นว่าอากาศมีผลต่อการเกิดหรือการแพร่กระจายของโรค

ในระยะแรกที่มีการแพร่กระจายของโรคก็มีผู้ตั้งข้อสังเกตถึงการอยู่ในแนวเขตละติจูดเดียวกันในประเทศที่มีการระบาดอย่างรุนแรง   อย่างไรก็ดีสภาพแวดล้อมที่เป็นอากาศหนาวชื้นไม่ได้เป็นปัจจัยชี้ขาดในการเกิดโรคนี้   เพราะเมื่อโรคได้แพร่ระบาดไปทั่วโลกไม่ว่าที่ใดก็เกิดโรคขึ้นได้ทั้งนั้น  ไม่ว่าจะอากาศแห้งหรือชื้น  อากาศหนาวเย็นหรือร้อน  ปัจจัยของการก่อโรคจึงอยู่ที่การได้รับเชื้อ  เพียงแต่ภูมิอากาศก็มีส่วนโดยมีหลักฐานจากนักวิทยาศาสตร์ยืนยันว่าในอุณหภูมิเย็นและชื้นเชื้อโรคโควิด-19 จะอยู่ได้นานกว่า  อากาศหนาวเย็นและชื้นมีส่วนเอื้ออำนวยต่อการมีชีวิตของเชื้อและสร้างเงื่อนไขให้เกิดการระบาดได้มาก    

ดังนั้นภารกิจในการควบคุมโรคด้านหลักคือป้องกันไม่ให้รับเชื้อเข้ามาโดยตรงหรือในปริมาณมาก (โดยการสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ ไม่เอามือไปขยี้ตา จมูกโดยไม่ได้ล้างมือให้ดีก่อน)  และสร้างสภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกร่างกายไม่ให้เอื้ออำนวยต่อการมีชีวิตและขยายพันธุ์ของเชื้อ  (รักษาความแห้งทั้งอากาศและสถานที่อยู่อาศัย  ปรับสภาพของร่างกายไม่ให้อยู่ในภาวะชื้นซึ่งเป็นบทบาทที่สำคัญของการแพทย์แผนจีนยาจีน)   ส่วนการรักษาอาการโรค ก็ควรพิจารณาว่ามีภาวะร้อน 化热  ภาวะแห้ง化澡  ภาวะเลือดคั่ง 致瘀 เกิดขึ้นร่วมด้วยหรือไม่  อย่างเมื่อไม่นานมานี้มีรายงานว่าผู้ป่วยในประเทศตะวันตกรายหนึ่งถึงกับต้องผ่าตัดขาออกทั้งสองข้าง  เพราะเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงขาเกิดขึ้น    จึงต้องทำการแยกแยะภาวะของโรค  ให้การดูแลรักษาที่เหมาะสม 

ในปลายปี 2563 ยิ่งเมื่อประเทศในยุโรปและอเมริกาเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว  จำนวนผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19  ผู้ที่มีอาการป่วย  รวมถึงผู้ที่เสียชีวิตเพิ่มขึ้นมาก  จนมากยิ่งกว่าช่วงการระบาดรอบแรก(ฤดูใบไม้ผลิ-ฤดูร้อน)ก่อนหน้านี่เสียอีก  เป็นการยืนยันว่าสภาพอากาศมีผลต่อการเกิดและการแพร่ระบาดของโรค

เอกสารอ้างอิง
ถงเสี่ยวหลิน บก. หานซื้ออี้  การวินิจฉัยรักษากับการวิจัยโรปอดอักเสบจากไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่  สำนักพิมพ์วิทยาศาสตร์ ปักกิ่ง มิถุนายน 2020
หวางเอี้ยนฮูย เฉินซ่าวตง บก. ลักษณะลิ้นในโรค ซืออี้  การวินิจฉัยและรักษาปอดอักเสบจากไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ด้วยแพทย์แผนจีน   สำนักพิมพ์เคมีอุตสาหกรรม ปักกิ่ง มีนาคม 2020