ภาวะมีบุตรยากในทฤษฎีแพทย์จีนเกี่ยวข้องกับระบบไตและระบบชงเริ่น  

หน้าที่ของระบบไตที่สำคัญคือ เก็บรักษาสารจิงซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับการเจริญเติบโต และการเจริญพันธุ์  เมื่อคนเรามีอายุมากขึ้น การทำงานของไตก็จะค่อยๆ เสื่อมลง  การทำหน้าที่ของไต จึงเกี่ยวข้องกับอายุในช่วงต่างๆ  ในสตรีจะแบ่งช่วงอายุเป็นรอบๆ รอบละ 7 ปี  ดังข้อความที่กล่าวไว้ว่า 

“หญิงเมื่ออายุได้ 7 ปี  ชี่จากไตแรงขึ้นทำให้ฟันและผมเริ่มแข็งแรง.......เมื่ออายุ 14 ปี เทียนกุ่ยมาถึง  (เทียนกุ่ยหมายถึงสารที่ผลักดันให้มีความสามารถในการเจริญพันธุ์)  เส้นลมปราณเริ่นทะลุทะลวง  เส้นลมปราณไท่ชงมีเลือดสมบูรณ์  จึงมีเลือดประจำเดือนออกมาและมีความสามารถในการมีบุตร.....เมื่ออายุ 35 ปี  พลังของหยางหมิงเริ่มอ่อนลง  หน้าจึงเริ่มหมองคล้ำ  ผมเริ่มร่วง........เมื่ออายุ 42 ปี พลังในเส้นหยางทั้งสามเส้นที่หล่อเลี้ยงส่วนบนของร่างกายเสื่อมถอย   หน้าจึงหมองคล้ำ  ผมเริ่มหงอก........เมื่ออายุ 49 ปี  พลังในเส้นเริ่นอ่อนแอลง  พลังในเส้นไท่ชงเสื่อมถอย  เทียนกุ่ยหมดไป  ทางเดินของเลือดปิด  จึงหมดความสามารถในการมีบุตร”

จากข้างต้นจึงเห็นได้ว่าความสามารถในการมีบุตรจะลดลงเมื่ออายุของสตรีนั้นเข้าสู่วัย 35 ปี  ซึ่งสอดคล้องกับความรู้ในทางสรีรวิทยาปัจจุบันที่เห็นว่าหลังจากสตรีอายุ 35 ปี แล้วการทำงานของรังไข่จะลดลง

ดังนั้นในการรักษาภาวะมีบุตรยากในแพทย์แผนจีนโดยพื้นฐานจึงเน้นที่การบำรุงไต และบำรุงเลือดในระบบเส้นเริ่นและไท่ชงให้สมบูรณ์ 

อย่างไรก็ดีเนื่องจากภาวะมีบุตรยากยังเกี่ยวข้องกับปัจจัยอื่นๆ เช่น ความเครียดที่เกี่ยวข้องกับระบบตับ   ภาวะชื้นที่เกี่ยวข้องกับระบบม้าม   ภาวะร้อนชื้นที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบภายในอุ้งเชิงกราน   ภาวะเลือดคั่งที่เกี่ยวข้องกับโรคถุงน้ำในรังไข่หรือเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่   เป็นต้น   ดังนั้นในการรักษาในแต่ละคนจึงมีรายละเอียดที่แตกต่างกันออกไป